หนองบัวลำภู – ผู้นำสตรี 3 ตำบล อำเภอศรีบุญเรือง นำพลังสตรีสืบสานประเพณีลงแขกเกี่ยวข้าว

ผู้นำสตรี 3 ตำบล อำเภอศรีบุญเรือง นำพลังสตรีสืบสานประเพณีลงแขกเกี่ยวข้าว ตำบลหนองบัวใต้ ตามวิถีถิ่นไทยให้คงอยู่ชั่วลูกหลาน

เมื่อวันที่ 8 พศจิกายน 2567 เมื่อเวลา 09.00 น.ณ ทุ่งนาของ นายติณณชา วงษ์มา เจ้าของพื้นที่นา 120 ไร่ โดยปลูกข้าวประมาณ 10 ไร่ นอกนั้นทำการปลูกอ้อย และทำการประมง ที่บ้านดอนปอ ตำบลหนองบัวใต้ อำเภอศรีบุญเรือง จังหวัดหนองบัวลำภู นางสังวาลย์ เที่ยงตรงจิตต์ ประธานพัฒนาสตรีตำบลหนองบัวใต้ พร้อมด้วย นางจำรัส สีหาบุตร ประธานพัฒนาสตรีตำบลนากอก และ นางหนูจี สาพรม ประธานพัฒนาสตรีตำบลหันนางาม พร้อมพลังสตรี และพ่อบ้านร่วม 20 คนกันลงแขกเกี่ยวข้าวสืบสานอนุรักษ์ประเพณีลงแขกเกี่ยวข้าวช่วยเหลือชาวนาในพื้นที่ตำบลหนองบัวใต้ ตามวิถีถิ่นไทย


นางสังวาลย์ เที่ยงตรงจิตต์ ประธานพัฒนาสตรีตำบลหนองบัวใต้ กล่าวว่าช่วงนี้เป็นฤดูเก็บเกี่ยวข้าวของชาวนาในภาคอีสาน ในขณะที่เจ้าของแปลงนาขาดแรงงาน จึงร่วมกับ นายเก่ง ฤษก์ยาม บัณฑิตแรงงานอำเภอศรีบุญเรือง ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบศูนย์แรงงานประจำอำเภอศรีบุญเรือง ภายใต้การกำกับดูแลโดยสำนักงานแรงงานจังหวัดหนองบัวลำภู นำแรงงานส่วนหนึ่งมาร่วมกิจกรรม พร้อมประชาสัมพันธ์ภารกิจของศูนย์แรงงานประจำอำเภอศรีบุญเรือง ที่พึงเข้ามารับผิดชอบในการประสานงาน ภายในอาคารที่ว่าการอำเภอศรีบุญเรือง ได้จัดกิจกรรมเพื่อพัฒนาสังคมและชุมชน


นางสังวาลย์ เที่ยงตรงจิตต์ ประธานพัฒนาสตรีตำบลหนองบัวใต้ กล่าวเพิ่มเติมว่าการลงแขกเกี่ยวข้าวในวันนี้ เป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมสืบสานรักษาวัฒนธรรมประเพณีที่ดีงาม ซึ่งทุกวันนี้ค่อนข้างจะหายากในการร่วมแรงร่วมใจกันมาลงแขกเกี่ยวข้าว แต่ทางองค์กรสตรีของอำเภอศรีบุญเรือง และเครือข่ายสภาวัฒนธรรมตำบลหนองบัวใต้ และ สภาวัฒนธรรมอำเภอศรีบุญเรือง
โดยเฉพาะมีการขุดหอยหาปูนา กิจกรรมการนำลำต้นข้าวมาทำปี่เป่าในทำนองเพลงจากต้นข้าว และนำข้าวปลาอาหารมากินร่วมกัน อันเป็นการสร้างความรักความสามัคคีให้ผู้นำสตรีได้ร่วมกับสืบสาน รักษาไว้จนถึงลูกหลาน และได้ตระหนักเห็นความสำคัญว่าการลงเกี่ยวข้าว ก็เป็นส่วนหนึ่งที่จะได้ช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกร โดยเฉพาะ 2-3 วันที่ผ่านมาซึ่งอยู่ในช่วงฤดูเก็บเกี่ยว ปรากฏว่ามีฝนหลงฤดู ทำให้ชาวนาเดือดร้อนกันไปทั่ว เพราะว่าฝนที่ตกลงมาทำให้ข้าวที่เกี่ยวเสร็จแล้ว ทำให้เปียกชื้นข้าวได้และส่งผลให้ราคาตกต่ำ นางสังวาลย์กล่าวในที่สุด